เราเชื่อว่าหลายๆคนต้องประสบพบเจอกับปัญหาอะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าผิวตัวเองเป็นแบบไหน? ดูแลไม่ถูก ไม่รู้จะใช้ Skincare หรือเครื่องสำอางตัวไหนดี?
ก่อนอื่นแนนต้องขอออกตัวก่อนว่า แนนเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ทางด้านผิวหนัง เพียงแต่อาศัยจากการศึกษาจากปัญหาผิวของตัวเอง หาข้อมูลตามอินเตอร์เนทและหนังสือ ลองผิดลองถูกบ้างจากการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จนตัดสินใจทำแบรนด์ของตัวเองนี่แหละถึงได้เรียนรู้เพิ่มเติมกับผู้เชียวชาญที่ผลิตครีมให้ จึงได้รู้ว่ามันจำเป็นมากนะที่ต้องรู้ว่าผิวเราเป็นแบบไหน ไม่งั้นต่อให้ใช้ครีมวิเศษแค่ไหนถ้ามันไม่เข้ากับสภาพผิวเราขณะนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถือซะว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์หรือข้อมูลที่แนนคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์แล้วกันนะคะ การรู้จักสภาพผิวของตัวเองแนนว่ามันเป็นขั้นตอนแรกและสำคัญมากๆกับการดูแลผิวเลยค่ะ
ผิวของเรามีชีวิต สามารถเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้งภายในและภายนอก เช่น ฮอร์โมน ความเครียด อากาศ เครื่องสำอางที่ระคายเคืองผิว หรือตลอดจนภูมิคุ้มกันของร่างกายล้วนแล้วมีผลทั้งนั้น ดังนั้นต้องหัดสังเกตและปรับวิธีใช้หรือเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมค่ะ
ประเภท 4 ผิว 4 ประเภทหลัก และการดูแลพื้นฐาน
1. ผิวธรรมดา (Normal Skin) ผิวธรรมดามีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ประมาณ 15-25% เป็นผิวที่มีความละเอียด ปริมาณไขมันที่พอเหมาะ มีความชุ่มชื่นและสดใสเพอร์เฟค แต่ผิวประเภทนี้มักจะพบในช่วงก่อนวัยรุ่นเพราะยังไม่มีปัจจัยเรื่องฮอร์โมนมาเกี่ยวข้อ ง(หน้าใสเหมือนเด็ก อะไรทำนองนั้น) ผิวจะเรียบเนียนและความยืดหยุ่นดี มีรูขุมขนละเอียด เมื่ออากาศร้อนผิวจะไม่มันเยิ้ม และไม่แห้งเป็นขุยเมื่ออากาศเย็น
การดูแลผิวธรรมดา
ผิวธรรมดาเป็นผิวที่ดีที่สุด แต่น้อยคนนักที่จะมีผิวลักษณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีกรรมพันธุ์ผิวสวยค่ะ
– การดูแลผิวให้สะอาดและมีสุขภาพดีถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
– ใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปบ้างแต่ไม่ต้องบ่อย อาจจะประมาณเดือนละ 2 ครั้ง
– ใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำ และไม่ไปใช้เครื่องสำอางที่ระคายเคืองผิวค่ะ
2. ผิวแห้ง (Dry Skin) ผิวแห้งจะมีปริมาณน้ำอยู่ในชั้น Keratin น้อยกว่า 10% และอาจมีปัญหาว่าต่อมไขมันผลิตไขมันได้น้อยทำให้ผิวสูญเสียน้ำออกไปมาก ข้อดีคือรูขุมขนละเอียด ดูเรียบไม่หยาบ ไม่มันเยิ้ม และจะมีปัญหาเรื่องสิวเสี้ยนและสิวอุดตันน้อยกว่าผิวชนิดอื่น ผิวหน้าจะแลดูผ่องสะอาด แต่ข้อเสียสำคัญคือมักมีริ้วรอยก่อนวัยโดยเฉพาะบริเวณผิวบอบบางเช่น รอบดวงตา
การดูแลผิวแห้ง
ผิวแห้งเนื่องจากน้ำในเซลล์ผิวหนังลดลง ดังนั้นการกระทำใดๆก็ตามเพื่อช่วยลดการสูญเสียน้ำจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
– หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานานๆ การสัมผัสอากาศร้อนหรือเย็นเกินไป
– หลีกเลี่ยงการล้างหน้าอย่างรุนแรง การทำซาวน่า และการใช้น้ำอุ่นล้างหน้าเป็นประจำ
– เลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ นม และโยเกิร์ต เพราะจะช่วยสร้างความชุ่มชื้น และช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยได้
– เลี่ยงผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่มีส่วนผสมในการเร่งผลัดเซลล์ผิวที่มากเกินไป
– การทำความสะอาดผิวหน้าก็ควรเลือกใช้โฟมหรือสบู่อ่อนๆ ที่มีค่า pH ใกล้เคียงกับสภาพผิว และต้องล้างอย่างเบามือเท่านั้น
– การทำความสะอาดเครื่องสำอางก็ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหรือน้ำแร่ หรือโคลด์ครีมซึ่งอ่อนโยนต่อผิว
3. ผิวมัน (Oily Skin) ผิวมันจะมีน้ำหล่อเลี้ยงพอๆกับผิวธรรมดา แต่เป็นผิวที่มีรูขุมขนโตกว่าปกติจึงมีการหลั่งน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ผิวหน้าจึงดูหยาบไม่เรียบสวย เกิดการอุดตันและกลายเป็นสิวได้ง่าย โดยเฉพาะในวัยรุ่นซึ่งฮอร์โมนเพศจะมีบทบาทมากในการกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ดังนั้นจึงพบว่าวัยรุ่นเป็นสิวมากกว่าคนแก่ แต่ก็พบว่าคนที่มีผิวมันจะไม่ค่อยพบเห็นริ้วรอยเหี่ยวย่นเหมือนกับคนผิวแห้ง ปัญหาสิวหรือสิวเสี้ยนที่พบนั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่สิว แต่เป็นลักษณะที่รูขุมขนขยายตัวและมีขนอ่อนแทรกขึ้น เมื่อแทรกหลายเส้นเข้าก็เกิดการรวมตัวของไขมันในบริเวณดังกล่าวจนแข็งเป็นเสี้ยนเล็กๆสีดำจึงเรียกกันว่าสิวเสี้ยน ซึ่งมักเกิดบริเวณคางและรอบปาก
การดูแลผิวมัน
– ควรล้างหน้าด้วยโฟมหรือสบู่อ่อนๆ 2-3 ครั้งต่อวันก็เพียงพอแล้ว คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่าผิวมันต้องล้างหน้าบ่อยๆจึงจะสะอาดและลดความมัน แต่ความเป็นจริงการล้างหน้าบ่อยๆจะเป็นการทำให้หน้าแห้งได้ง่าย เพราะน้ำจะชะล้างเอาน้ำมันธรรมชาติที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวออกไปจนหมด ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
– ควรใช้โลชั่นหรือ Toner ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ แต่ผลอาจจะไม่ถาวร ไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะจะทำให้ผิวมันมากขึ้นโดยไม่จำเป็น
– ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนของน้ำมัน (Oil Free) เพราะพวก Mineral Oil จะทำให้เกิดการอุดตันและเป็นสิว มอยซ์เจอไรเซอร์ก็เลือกแบบที่บางเบาอย่างพวก Serum เป็นหลัก
4. ผิวผสม (Combination Skin) คนไทยส่วนมากมักมีผิวผสม ซึ่งเป็นผิวที่มีความยุ่งยากในการดูแลเพราะลักษณะของผิวจะมีหลากหลายประเภทผสม โดยทั่วไปมีลักษณะผสมระหว่างผิวมันบริเวณที–โซนหรือแถวหน้าผากและจมูก ต่อมไขมันบริเวณนี้จะมีขนาดใหญ่และทำงานได้ดีกว่าบริเวณอื่นทำให้มีปัญหาเรื่องสิวได้ ส่วนผิวบริเวณแก้มทั้งสองข้างมีลักษณะผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิวผสมคือเนื่องจากเป็นผิวที่มีทั้งผิวแห้งและผิวมัน ทำให้อาจมีปัญหาเรื่องสิวได้ง่ายที่บริเวณที–โซน และผิวแห้งตึง เป็นขุย หลังการล้างหน้าบริเวณแก้มทั้งสองข้าง
การดูแลผิวผสม
ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพภูมิอากาศด้วยถ้าหากเรามีความเข้าใจการดูแลผิวผสมก็จะไม่ยุ่งยากเกินไปนัก
– การทำความสะอาดผิวสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผิวมันได้ในยามค่ำคืน และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผิวแห้งในยามเช้า เนื่องจากเวลาเย็นผิวหน้าที่ผ่านมลภาวะมาทั้งวันควรได้รับการทำความสะอาดอย่างเต็มที่
– ส่วนการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนั้น ผิวผสมสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างเต็มที่ในยาม กลางคืน และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นอย่างพอเหมาะในเวลากลางวัน
Extra! ผิวบอบบาง–แพ้ง่าย (Sensitive Skin)
ที่ยกให้เป็น Extra คือคนที่มีผิวลักษณะนี้เอาใจยากมาก ต้องการการดูแลเป็นพิเศษจริงๆ และรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้คนที่มีสภาพผิวแบบนี้เยอะจัง (จากแบบสอบถามเพื่อรับผลิตภัณฑ์ทดลอง MONIQUE BEAUTÉ ที่เราพึ่งแจกไป ถึงขนาดครึ่งนึงของผู้ตอบแบบสอบถามกันเลยทีเดียว) ผิวแพ้ง่ายนี้จะสามารถเกิดได้กับทุกๆสภาพผิวที่กล่าวไปแล้วทั้ง 4 ประเภท เช่น ผิวมัน แพ้ง่าย, ผิวแห้ง แพ้ง่าย เป็นต้น
จากการวิเคราห์ส่วนตัวนะว่าทำไมเดี๋ยวนี้แพ้ง่ายกันจัง อาจจะว่าสมัยนี้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการดูแลผิวรวมทั้งเครื่องสำอางมีมากมายหลากหลายให้เลือกใช้ บางคนใช้เยอะมากและเปลี่ยนบ่อย ไม่ได้เลือกใช้ให้เหมาะกับตัวเองจริงๆ มีการผลัดเซลล์ผิวมากเกินความจำเป็นหรือ ใช้เสตียรอยด์ติดกันเป็นระยะเวลานาน รวมทั้งการเลือกรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์เกี่ยวกับผิวโดยไม่พิจารณาไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เราต้องชั่งน้ำหนักถึงผลดีผลเสียต่างๆ ศึกษาข้อมูลให้ดี เอาง่ายๆเลย Google แนนว่าช่วยคุณได้เยอะมาก (แต่ก็ต้องประเมินความน่าเชื่อถือในข้อมูลนั้นๆด้วย) และถ้าจะตัดสินใจทำอะไรก็ควรทำแต่พอดี อะไรก็ตามที่มันมากจนเกินไปมักจะส่งผลเสียให้กับผิวเราได้นะคะ
ผิวบอบบาง–แพ้ง่าย (Sensitive Skin) ไม่มีข้อบ่งชัดว่าเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่เกิดอาการคันยิบๆหรือแสบบนผิวหน้าโดยไม่มีรอยของโรคหรือผื่นให้เห็น และมักพบว่าเกิดหลังใช้เครื่องสำอางหรือใช้ยาทาบางชนิด แต่ในรายที่เป็นมากอาจมีผื่นแดง คัน หรือเกิดรอยไหม้ด้วย ผิวชนิดนี้จึงควรระมัดระวังการใช้เครื่องสำอางเป็นพิเศษ ผู้ที่มีผิวหน้าบอบบาง–แพ้ง่ายมักมีผิวแห้งและมีกรรมพันธุ์ของโรคภูมิแพ้ หรือเป็นภูมิแพ้ที่อวัยวะอื่น ๆ อยู่ก่อนแล้ว เช่น ที่จมูก ตา หลอดลม (หอบหืด) บางคนก็มีแนวโน้มจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบบริเวณทีโซน หรือสิวชนิด Rosacea คือสิวซึ่งมีลักษณะเป็นผื่นแดง พอถูกกระตุ้นด้วยสารเคมีก็เกิดความระคายเคืองได้ง่าย การแพ้ที่ว่ามีทั้งที่เกิดครั้งแรกหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์และเกิดขึ้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์นั้นต่อเนื่อง แถมเมื่อแพ้ผลิตภัณฑ์ใดในครั้งแรกแล้วก็จะเกิดการแพ้ตัวที่สองและสามตามมา ทั้งที่ไม่เคยแพ้มาก่อน สิ่งแรกที่ต้องทำคือควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์นั้นทุกตัว และจึงไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการรักษาอาการที่เกิดขึ้น
การดูแล ผิวบอบบาง–แพ้ง่าย
– ควรใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวบอบบาง–แพ้ง่าย ซึ่งมักจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ (Alcohol Free หรือ Perfume Free) หรือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบหรือผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าก่อให้เกิดการแพ้ต่ำ ซึ่งมักจะระบุว่า “Hypo-Allergenic”
วิธีสังเกตุสภาพผิวง่ายๆ
ล้างหน้าให้สะอาด แล้วเช็ดหน้าให้แห้งโดยไม่ต้องทาครีมบำรุงใดๆทั้งสิ้น ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วสังเกตุในกระจกหรือใช้กระดาษซับมันลองแปะที่หน้าดูบริเวณแก้ม 2 ข้าง หน้าผาก จมูก
– ถ้าหน้ามีน้ำมันออกมาทั่วหน้า หรือใช้กระดาษซับมันมีน้ำมันติดอยู่มากทั้งหมด ก็แสดงว่าเป็นผิวมัน
– ถ้ารู้สึกหน้าสบายๆไม่คันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีเงา ใช้กระดาษซับมันมีน้ำมันติดเล็กน้อย จัดเป็นผิวธรรมดา
– ถ้ารู้สึกหน้าแห้งๆตึงๆเหมือนมีคันยิบๆ ใช้กระดาษซับมันไม่มีน้ำมันติดมาเลย เป็นประเภทผิวแห้ง
– ถ้ารู้สึกบางส่วนเงาๆ บางส่วนแลดูแห้งๆ หรือธรรมดาเฉยๆ ใช้กระดาษซับมันมีน้ำมันติดมาบางส่วนโดยเฉพาะส่วนทีโซน แต่บางส่วนแห้งไม่มีน้ำมันติดตรงช่วงแก้ม จัดเป็นกลุ่มผิวผสม
เมื่อทราบถึงสภาพผิวของตัวเองและทราบถึงความต้องการการดูแลของผิวแต่ละประเภทแล้ว คุณก็สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือดูแลผิวให้ถูกต้อง เพราะหน้าเรามีหน้าเดียวนะคะ เยินแล้วเยินเลย กว่าจะฟื้นตัวอาจต้องหมดเงินไปเยอะหรือฟื้นได้ก็ไม่รู้จะเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะฉะนั้นอย่าลืมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผิวหน้าเราค่ะ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
http://docthai.com
http://www.cmicosmetic.com
http://www.dek-d.com
http://www.kapook.com/
http://amariebeauty.blogspot.com
http://www.ihomeremedy.net
http://www.wikihow.com
http://www.becomegorgeous.com
http://www.andreaharner.com
http://staybeautyandhealthy.blogspot.com